ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2020

การต่อกล้องมองหลัง

ต่อกล้องมองหลังกันครับ ที่ผมเลือกเป็นแบบตรงรุ่น (ไม่ต้องเจาะ เอาใส่ตรงไฟส่องป้ายทะเบียนเดิมเลยครับ) , ชิป CCD , อินฟาเหรด แล้วก็ได้มาครับ การติดตั้งไม่ยากครับสำหรับผมต้องรื้อพรมที่บุกระโปรงท้ายก่อนครับ จัดการถอดไฟส่องป้ายออกครับ โดยการเลื่อนไปทางซ้ายมือ แล้วงัดขึ้นครับ จากนั้น ใช้ประแจเบอร์ 10 ไขน๊อตคิ้วป้ายทะเบียนออกครับ จัดการติดกล้องแทนไฟส่องป้ายที่ถอดออก เอาสายสัญญาณร้อยเข้าตัวถังตรงจุกยางตรงกลางครับ  ต่อไปเรามาหา สายไฟถอยกันครับผมเลยต้องรื้อชุดไฟท้ายออกมาเพื่อเช็คโค๊ดสีครับ โค๊ดสีไฟถอย สายไฟบวก คือ สีเหลือง , ส่วนกราว สีดำ เมื่อได้โค๊ดสีสายไฟแล้ว เราก็มาต่อสายกันครับ นี่เป็นสายไฟเลี้ยงกล้องมองหลัง กับสายสัญญาณภาพครับ ใช้ตลับหนีบสายไว้เลยครับ  ส่วนสายสัญญาณภาพ เดินเข้าไปในรถเพื่อต่อกับท้ายวิทยุ ผมเดินไปตามรางขอบประตูรถครับ แล้วเราก็เอาไปเชื่อมต่อกับท้ายวิทยุรถครับ ทดสอบการงาน ถ้าเข้าเกียร์ถอยหลังภาพจากกล้องต้องติดครับ ถ้าเรียบร้อยแล้วตัดการเก็บสายให้เรียบร้อย สรุปการต่อสายค

ปัญหาวาล์วยัน สำหรับรถใช้แก๊ส ..... !!

ออกตัวให้ทราบกันก่อนนะครับ เนื่องจากผมไม่ได้เป็นช่าง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์นะครับ ดังนั้นบทความที่จะได้อ่านต่อไปนี้ มาจากการความเข้าใจ การสอบถาม และการอ่าน ดังนั้นจึงควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะขอรับ แต่ดั้งแต่เดิมผมคนนึงละที่เป็นเหมือนแฟนพันธุ์แท้ LPG ซึ่งผมได้รู้จักในครั้งนั้นคือ  TAXI ติดแก๊ส แต่เพราะผมใช้รถค่อนข้างเยอะจึงตัดสินใจติดตั้งแก๊สในรถยนต์ในสมัยที่ LPG ยังไม่ฮิต เหมือนทุกวันนี้ โดยปี 2547 เป็นครั้งแรกของผมก็เอารถที่ผมใช้อยู่ไปติดแก๊สที่อู่ TAXI แห่งหนึ่งแถวๆคลองเตย ในการเติมแก๊สช่วงแรกๆของผมก็ออกอาการเขินๆนะ เพราะต้องไปเติมที่ปั๊มแก๊สที่ TAXI ใช้เติมกันนั่นแหละครับและปั๊มก็ยังมีน้อยมากกกๆๆ จนแทบจะเรียกได้ว่า ผมขับรถส่วนตัวเข้าไปเติมแก๊ส TAXI ก็หันมามองกันเป็นตาเดียวเลยครับ.... แต่ผมก็ ไม่ สน ใจ หรอก เพราะราคาแก๊สมันถูกนี่นา และจากนั้นจนถึงบัดนี้ รถที่ผมใช้งานก็จะจับดมแก๊สซะให้หมดก็มีดังนี้ครับ คันแรกจะเป็น PEUGEOT 505 GR วางเครื่องใหม่เป็น NISSAN  SR 20 DE  4 สูบ DOHC 16 V. ขนาดความจุ 1998 CC.  160 แรงม้า ซึ่งผมติดแก๊ส แบบ Fix Mixer  ใช้งานแก๊สก็ไม่ต่ำกว่า 100,00

เปลี่ยนเส้นยางปัดกระจก

ทัศนวิสัยในการขับขี่รถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนทำให้การเดินการนั้นปลอดภัย ดังนั้น เมื่อเริ่มเข้าหน้าฝน ทัศนวิสัยในการขับขี่ ช่วงฝนตกผู้ขับขี่จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และสิ่งหนึ่งที่มีผลโดยตรงกับการมองเห็นท้องถนนคงหนีไม่พ้น แค่ยางใบปัดน้ำฝนเส้นเล็กๆ บางๆ 2 อัน ใช้งาน ตากแดด อิงแอบแนบชิดกับแผ่นกระจกร้อนๆ มาเป็นเวลา หลายๆเดือนความเสื่อมสภาพ ของใบยางย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา จะเปลี่ยนทั้งโครงก็แพง !!! งั้นเราก็มาเปลี่ยนยางกันง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ พระเอกของเรา ยางใบปัดย้ำฝน ผมเลือกใช้แบบซิลิโคน ขนาดความยาว 24 นิ้ว จำนวน 2 เส้น เริ่มจาก ต้องถอดโครงใบปัดน้ำฝนเดิมออกมาก่อน ตามขั้นตอนดังนี้ แล้วก็หลุดมาแล้วครับ ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการถอดยางเก่าออก ..... ให้เอาไขควงแบนๆ งัดๆ เพื่อใช้ยางหลุดจากตัวล๊อก (ในวงกลม) เมื่อหลุดแล้วก็รูดยางเดิมออกมาเลยครับ ปล. จำเอาไว้ด้วยนะครับว่า ด้านไหนคือฝั่งหัว เมื่อยางหลุดออกมาแล้ว ให้เอาเส้น สแตนเลส ออกมาไว้ใช้ ระวังอย่าให้เส้นนี้ งอ นะครับ มาดูยางปัดน้ำฝนอันใหม่ว่า..... ด้านหัวมันอยู่ไหน แล้วก็เอ

ตั้งเบรคหลัง (ดรัมเบรค)

เบรคนับว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก สำหรับผมแล้ว สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะต่อให้รถแรงแค่ไหน แต่ถ้าเบรคไม่อยู่ก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบร้ายแรงได้ครับ เบรคล้อหน้าสำหรับรถบ้านเราเป็นแบบ ดิสเบรค จึงไม่ต้องไปปรับตั้งอะไรแค่ดูว่าถ้าผ้าเบรคหมดก็เปลี่ยนครับ แต่สำหรับเบรคหลังเป็นแบบ ดรัมเบรค ซึ่งตัวผ้าเบรคจะอยู่ใน ฝาดรัมเบรค มองไม่เห็นครับ ต้องเปิดฝาออกมาดู แต่เรามีวิธีสังเกตุง่ายๆครับว่าผ้าเบรคเราสึกรึยัง หรือถึงเวลาที่จะต้องตั้งเบรคหลัง (หลายรุ่นๆ เบรคหลังไม่ได้ปรับตั้งแบบอัตโนมัติ) โดยการดูว่า การดึงเบรคมือนั้น ระยะสูงรึยัง ถ้าดึงเบรคมือ ประมาณ 3 - 4 แก๊ก แล้วตึงมือ แสดงว่ายังปกติครับ แต่ถ้าต้องดึงเบรคมือสูงกว่านี้ แสดงว่า ถึงเวลาที่ต้องตั้งเบรคแล้ว หรือ.... ยกล้อหลังให้ลอย ลองเอามือหมุนล้อ ถ้าล้อหมุนได้สบายๆๆ นั่นก็เป็นสิ่งที่บอกว่าถึงเวลาที่ต้องปรับตั้งแล้วเช่นกันนะครับ สำหรับรถผม การตั้งเบรคนั้น แน่นอน ต้องถอดล้อออกก่อนครับ ตรงกลางดุมล้อจะมีตัวปิดดุมกลาง ค่อยๆเอาออกมาครับ ที่ต้องใช้คือ ลูกบล็อคเบอร์ 30 ครับ เพื่อถอดน๊อตตัวกลางออก เมื่อเปิดฝาออกมาจะเจอชุดดรัมเบรค ที่