ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปลี่ยนน้ำหล่อเย็น เรื่องง่ายๆ แต่ต้องระวัง



น้ำหล่อเย็น เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากมันมีหน้าที่ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ซึ่งระบบระบายความร้อนในรถยนต์จะเป็นระบบ ปิด นั่นคือ น้ำจะวิ่งวนในระบบหากไม่มีการ รั่ว ซึม ของท่อ ประเก็น หรือตามจุดต่างๆ ก็ไม่ต้องไปทำอะไร แค่ดูระดับน้ำในหม้อพักน้ำอย่างเดียวก็พอ และคอยเปลี่ยนเมื่อถึงระยะที่กำหนดในคู่มือก็พอครับ



เมื่อพูดถึงน้ำหล่อเย็นที่บ้านเราจะมีขายอยู่ 2 แบบคือ

1. แบบผสมเสร็จ ข้อดีคือ ได้ส่วนผสมที่ถูกต้อง ซื้อมาสามารถใช้ได้เลย โดยมากถ้าซื้อตามศูนย์บริการก็จะเป็นแบบนี้ครับ

2. แบบเข้มข้น ข้อดีคือ ราคาถูกกว่า แต่เราต้องเอามาผสมกับน้ำเอาเองครับ

ผมเลือกใช้แบบที่ 2 ครับ เพราะส่วนผสมหลักของน้ำหล่อเย็นคือ Ethelyne Glycol แตกต่างตรง สี และ ส่วนผสมอีกเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ



มาถึงการเตรียมน้ำหล่อเย็นกันครับ ของผมเลือกใช้ของ Karshine ตามข้อมูลที่ระบุมาบนขวด ให้ผสมน้ำ 10 ลิตรต่อ น้ำยาหล่อเย็น 1 ขวด แต่ผมเลือกที่จะผสม กับน้ำแค่ 8 ลิตรพอ เนื่องจากตอนที่ทำบ่าวาล์ว ทางอู่ได้เติมน้ำเปล่ามาให้ ดังนั้นการที่จะเอาน้ำออกจากระบบทั้ง 100% คงทำไม่ได้แน่ๆ จึงขอน้ำยาแบบเข้มข้นซักนิดนึงเพื่อจะได้ให้มันไปเจือจางกับน้ำเดิมที่อยู่ในระบบ นำ้ที่ผมใช้จะเป็นน้ำดื่มที่กดเอาตามตู้ ลิตรละ 1 บาทนั่นแหละครับ



ในการถ่ายน้ำหล่อเย็นเก่าออก จะมีจุดหลักๆ 2 จุดที่ต้องเปิดเพื่อให้น้ำเก่าไหลออก คือ ปลั๊กใต้หม้อน้ำ และ ปลั๊กที่อยู่หลังลูกสูบ




แต่เนื่องจากปลั๊กที่อยู่หลังลูกสูบอยู่ในที่ค่อนข้างแคบ ผมจึงเลือกทำตอนที่เครื่องยังพอร้อนๆอยู่ (ความหมายคือ หลังจากดับเครื่อง 30 นาที) เหตุผลคือ ทำตอนที่ วาล์วน้ำยังเปิดอยู่ จะได้เอาน้ำเก่าที่อยู่บริเวณเสื้อสูบออกมาจากเครื่องได้บ้างครับ

ขั้นตอนแรก ผมจะเอาน้ำในถังพักน้ำออกก่อนครับโดยใช้สายยางดูดออกเลย





ดูดจนหมดเลยนะครับ



การจะดูว่าน้ำในหม้อน้ำร้อนแค่ไหน มีอยู่อย่างเดียวครับคือเปิดฝาหม้อน้ำ ในการเปิดตอนเครื่องร้อน อย่าเปิดทีเดียวหมด และให้ใช้ผ้าหนาๆ ปิดฝาหม้อน้ำแล้วค่อยๆเปิดครับ เพราะถ้าน้ำร้อนในระบบจะมีแรงดันค่อนข้างมาก ถ้าไม่มีผ้ามาปิดเอาไว้น้ำร้อนอาจจะลวกมือได้ครับ เมือเปิดฝาหม้อน้ำได้แล้วลองพิจรณาดูครับว่าถ้าน้ำร้อนขนาดนี้โดนมือจะไหวไหม ถ้าไหวให้ปิดฝาหม้อน้ำกลับไปก่อน แล้วก้มลงไปดูใต้หม้อน้ำ จะเจอปลั๊กสำหรับถ่ายนำ้ทิ้ง ให้ใช้ไขควงปากแฉก ค่อยๆหมุนออกมาเลยครับ

[img]http://i1244.photobucket.com/albums/gg565/Teijung/Coollent/IMG_20131122_164251_zpsa8d348ed.jpg[/img]

เมื่อหมุนปลั๊กออกมาแล้ว น้ำละไหลออกมานิดหน่อย เพราะเรายังปิดฝาหม้อน้ำอยู่ ทีนี้ให้เราเปิดฝาหม้อน้ำ น้ำที่อยู่ในหม้อน้ำก็จะไหลออกมารอจนน้ำหยุดไหล จากนั้นให้อุดปลั๊กกลับไปตามเดิม เอาน้ำเปล่า เติมลงไปให้เต็มไม่ต้องปิดฝานะครับ สตาร์ทเครื่องทิ้งไว้รอจนน้ำที่เราเติมไปเมื่อกี้ ร้อน แล้วดับเครื่อง (ขั้นตอนนี้คือ เอาน้ำใหม่ให้เข้าไปดันน้ำเก่าที่อยู่ตรงเสื้อสูบออก) รอซักพัก ให้พัดลมไฟฟ้าทำงาน แล้วให้ถ่ายน้ำทิ้งอีกครั้งครับ







ในระหว่างที่รอ เราก็จะมาสำรวจตรวจสอบดูว่าโอริง สภาพเป็นอย่างไร ถ้ายังดีอยู่ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน แต่ถ้ามันเปื่อย มีรอยฉีกขาด ให้เปลี่ยนทันทีครับ ไม่เช่นนั้นจะทำให้น้ำรั่วได้



ฝาหม้อน้ำ ลองเอามือกดดูว่าสปริงยังแข็งแรง โอเค อยู่ไม๊ ซีลยางขาด แตก มั่งหรือเปล่า ถ้ายังดีอยู่ก็ผ่านไปเลยครับ แต่ถ้าไม่สมบูรณ์ตามที่กล่าวมาข้างต้น ก็ต้องเปลี่ยนครับ ซึ่งการที่จะซื้อของใหม่มาเปลี่ยนนั้นต้องเอาค่าเท่าเดิม ของอัลเมร่าใช้ 88 kPa การใส่ค่าที่ไม่ตาม standardเดิมจะมีผลเกี่ยวกับอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นตอนใช้งานครับ



เมื่อน้ำไหลออกจนหมด อุดปลั๊กกลับไปเหมือนเดิมใส่ให้แน่นแค่พอตึงๆมือพอ เพราะฝาและตูดหม้อน้ำทำจากพลาสติก ถ้าใส่แน่นจนแตกแล้วงานจะเข้าเอานะครับ

ในการเติมน้ำหล่อเย็น ผมเอาขวดน้ำพลาสติกมาตัดใช้แทนกรวยไปก่อน (ยังไม่มีเวลาไปซื้อกรวยแบบทนความร้อน) จากนั้นเติมน้ำจนเต็มให้ล้นขึ้นมาที่ขวดเลยครับ



เมื่อน้ำเต็มแล้วเราจะมาไล่อากาศกันล่ะ การไล่อากาศ ไม่ยากครับ ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้ในรอบเดินเบา ไม่ต้องเปิดแอร์ อาจจะใช้เวลานานซักหน่อยเพื่อรอให้วาล์วน้ำเปิดอีก ตอนวาล์วน้ำเปิดพัดลมไฟฟ้าจะทำงาน ในระหว่างนี้ ถ้าน้ำในหม้อน้ำหายไปให้เติมให้เต็ม ซักพักน้ำอาจจะล้นออกมาก็ปล่อยมัน เอาเป็นว่า คอยดู เติมน้ำ อย่าให้ขาดก็พอครับ เมื่อพัดลมไฟฟ้าทำงานครบ 3 ครั้ง ถ้าน้ำหายลงไปอีกเติมน้ำให้เต็ม แล้งปิดฝาหม้อน้ำเลยครับ



มาดูในส่วนของถังพักน้ำกันบ้าง ให้เอาน้ำหล่อเย็นที่ผสมเอาไว้แล้วนั่นแหละเติมให้ถึงขีด max แล้วปิดฝา


หลังจากนั้น เอาน้ำเปล่าราดตรงส่วนที่น้ำยาหล่อเย็นไหลออกมาโดนด้วยนะครับ

เพื่อความอุ่นใจในระหว่างนี้ แบ่งน้ำหล่อเย็นออกมาใส่ขวดติดรถเอาไว้ด้วยคอยเติมเผื่อน้ำขาด ในช่วง 3 วันแรก เมื่อเครื่องเย็นให้เปิดฝาหม้อน้ำดู ถ้าน้ำหายให้เติมน้ำหล่อเย็นลงไปอีกและดูน้ำในถังพักด้วยว่ายังอยู่ max หรือเปล่า ถ้าหายไปให้เติมจนถึงขีด max ครับ

รูปนี้เป็นการเปรียบเทียบสีของน้ำยาหล่อเย็น สีฟ้าๆนั่นของเดิมครับ ส่วนสีเขียวสะท้อนแสงนี่ของใหม่


คำเตือน .... ในการถ่ายน้ำหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังร้อนอยู่ ควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจจะโดนน้ำร้อนลวกทำให้บาดเจ็บได้นะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บางทีแอร์ก็ไม่เย็น ลองเช็คหน้าครัชคอมแอร์กันก่อนไม๊

ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณ วิลลิส แคริเออร์ นักประดิษฐ์ชาวอเมริกา ผู้เป็นบิดาแห่งเครื่องปรับอากาศสมัยใหม่ เพราะอย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ครับว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ถ้า...... รถไม่มีแอร์ คงทรมานไม่น้อยเลยแน่ๆตอนรถติด แล้วถ้าแอร์รถเราเย็นมั่ง ไม่เย็นมั่งล่ะ ...... มันเกิดจากอะไรได้บ้าง โอ๊ยยยยย  ...... สาเหตุเยอะแยะ เช่น เทอร์โมสตัส มีปัญหาไม๊ ระบบไฟมีปัญหารึป่าว  ระบบระบายความร้อนยังดีอยู่ไม๊  ฯลฯ  แต่สำหรับปัญหาที่ผมเจอเกี่ยวกับแอร์ที่จะเอามาบอกกันครั้งนี้คือ อยู่ๆแอร์ก็ไม่เย็นเอาซะดื้อๆ พอดับเครื่องสตาร์ทใหม่ เปิดแอร์ >>> แอร์ก็กลับมาเย็นตามปกติ แล้วก็ปกติแบบนี้ไปอีกหลายวัน จนเมื่อ.... อาการแบบเดิมกลับมาอีก >> จอดรถ เปิดกระโปรงหน้า อันดับแรกที่ดู พัดลมไฟฟ้ายังทำงานปกติ แต่คอมเพรสเซอร์แอร์ ..... ไม่ทำงาน !! >>> กดปิด AC พัดไฟฟ้าก็หยุด พอกดเปิด AC พัดลมก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม แต่คอมแอร์ก็ยังไม่ทำงาน   ....... งั้นรู้แล้วล่ะว่าที่อยู่ๆแอร์ไม่เย็นเพราะ คอมเพรสเซอร์แอร์ ไม่ยอมทำงาน (รู้ได้จากหน้าครัชแอร์ไม่หมุน)  ที่นี้ปัญหาที่ทำให้หน้าครัชแอร์ไม่หมุนมีหลายอย่างเล

เมื่อโซลินอย ที่วาล์วถังแก๊สเสีย

โซลินอย ที่ถังแก๊สเสีย โซลินอยที่ถังแก๊ส มีหน้าที่ เปิด และ ปิด แก๊สที่อยู่ในถัง ตราบใดที่เราใช้แก๊สเป็นพลังงานอยู่ โซลินอย ตัวนี้ก็จะทำงานตลอดเวลา เพื่อเปิดวาล์วให้แก๊สไหลจากถังท้ายรถ วิ่งไปหาหม้อต้มที่อยู่หน้ารถ ดังนั้นถ้าโซลินอยตัวนี้ไม่ทำงานก็ไม่สามารถใช้แก๊สได้ การสังเกตง่ายๆโดยถ้าโซลินอยตัวนี้ทำงานจะได้ยินเสียงขอวาล์วที่ถังเปิด ดัง  ...... ติ๊ก 1 ครั้ง และตัวมันเองจะต้องอุ่นๆ เพราะข้างในมันคือขดลวดนั่นเองครับ อาการที่ผมเจอคือ ตอนที่ระบบจะเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส มันจะไม่ยอมเปลี่ยนครับเพราะระบบมันตรวจสอบแล้วไม่มีแรงดันของแก๊สในระบบ จะมีเสียงเตือน “ตี๊ดๆๆๆ”  ครับ ลองดูคลิปจากรถผมครับ ตอนแรกคิดว่าแก๊สหมดนะครับ เลยไปเติมแก๊สมาซะเต็มถังเลยล่ะ ซึ่งพอแก๊สยังใช้ไม่ได้ เลยต้อมเริ่มหาที่มาก่อนเลยครับ ซึ่งเจ้าโซลินอยตัวนี้แหละน่าจะเป็นจำเลยของงานนี้ เพราะมันไม่เสียงตอบรับอะไรเลยครับ เงียบกริบ เลยล่ะ เช็คไฟที่สาย ไฟก็มานะครับ แต่พอช่วงมันเตือน ตี๊ดๆๆๆ  ไฟก็ตัดไป  สำหรับโซลินอยตัวนี้ต้องหาตรงรุ่นของมันด้วยครับ ผมไปได้จากตัวแทนจำหน่ายแถวโชคชัยสี่ ราคาตัวละ 250 บาท

เพิ่มพัดลมไฟฟ้าเป่าแผงแอร์

เนื่องจากพัดลมติดรถของผมมีตัวเดียว ซึ่งเป็นขนาด 15 นิ้ว 7 ใบพัด ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้วล่ะ แต่อยากจะเพิ่มไงครับ ก็เลยต้องหาวิธีทำซะหน่อย เริ่มจากหาซื้อพัดลมก่อนเลยเป็นอันดับแรก โดยพัดลมหม้อน้ำจะมี 2 แบบคือ แบบดูด กับ แบบเป่า  พัดลมทั้งสองแบบนี้ต่างกันนะครับ ถ้าเราหันหน้าเข้าหารถ แล้วมองเห็นพัดลม ก่อนหม้อน้ำ นั่นคือพัดลมแบบเป่า  แต่ถ้ามองเห็นหม้อน้ำ พัดลมอยู่หลังหม้อน้ำ ตัวนั้นคือพัดลมแบบดูด ...... เป็นอันเข้าใจนะครับ สิ่งที่ต้องการคือ พัดลมแบบ เป่า ซึ่งในตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อ ทั้งของใหม่ และของมือสองตามเซียงกง มีให้เลือกกันเพียบ จะเอากี่ใบ ขนาดกว้างที่นิ้ว ก็เลือกเอาเลยครับ ผมเลือกขนาด 12 นิ้ว พร้อมอุปกรณ์การทำ ก็มี เหล็กรู 4 อัน , รีเรย์ 1 ตัว , ขั้วรีเรย์ 1 อัน , ฟิวส์เสียบ 15A + กล่องฟิวส์ , สายไฟเส้นโตๆ หน่อย ยาวซัก 3 เมตร นอกนั้นก็มี น๊อต , หางปลา , ท่อร้อยสายไฟ เมื่อของพร้อม กายพร้อม ก็ลงมือกันเร้ยยย เริ่มจากถอดกันชนหน้าลงมาเลยครับ แต่ ไหนๆก็ถอดแล้ว ถ้ามีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงก็ฉีดล้างแผงคอนเดนเซอร์ (แผงแอร์) ไปเลยครับ ฉีดมันน้ำเปล่าๆนั่นแหละ  นี่ก่อนล้า